วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

คัมภีร์ห่วงโซ่ (ต่อ)

มายาบดบังสัจจะ
ไม่มีการไป ไม่มีการมา
ชีวิตจริงโดดเดี่ยว ลำพัง
สรรพสัตว์ก็ทำเฉกเช่นกัน
โลดแล่น ตามลีลา
ก่อนสิ้นสูญสลายไป
หมุนเวียนเปลี่ยนแปร
เกิดดับไม่ถ้วน
เสียงติงตังเส้นพิณสายสุดท้ายสั่นสะท้านหยุดลง ทินเล่หลับตาสงบนิ่งฟัง เห็นภาพสรรพสัตว์ดิ้นรน ไคว่คว้าเงาเมฆในน้ำ
วิ่งไล่ตามพยับแดด ปีนป่ายครอบครองวิมานเมฆ ล้วนแล้วเป็นมายา
เห็นแจ้งสัจจะในถ้อยคำของสตรีสาวกับชายพเนจรที่ร้องเพลงบรรเลงพิณ
อากาศยามสนธยารื่นรมย์นัก
สนธยาริมทะเลสาบ ลมพัด วิหคเหิน
วิถีธรรมดาเช่นนี้ผู้คนสัมผัสได้หรือไม่
ทั้งสองเดินไปตามถนนเรียบทะเลสาบ ผ่านร้านรวงขายปลาชนิดต่างๆ ทั้งที่ตายแล้วและที่ยังขังอยู่ในภาชนะ บางร้านขายเหง้าบัวทะเลสาบ บางร้านขายอุปกรณ์ประมงหลากชนิด นี่คือวิถีชีวิตริมทะเลสาบแห่งไวศยนครจนถึงหน้าโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง เป็นที่ที่ทั้งคู่หยุดยืนนิ่งฟังเสียงเพลงขับขานของสตรีสาวนางหนึ่งและชายชราผู้หนึ่ง
(อ่านต่อฉบับเต็มในวารสารปรัชญาปริทรรศน์)

ไม่มีความคิดเห็น: