วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความรัก ความเกลียด : เหรียญสองหน้า



เหรียญ ๒ หน้า ความรักและความเกลียด








ความรักและความเกลียดนั้นเป็นเหมือนด้านตรงข้ามของเหรียญ เมื่อรักมากจงระมัดระวังให้ดีว่า เหรียญอาจพลิกได้ มีคนจำนวนมากมายที่ทำร้ายคนที่ตนรักมากได้ ความรักจึงมักมีรหัสแห่งความรุนแรงแฝงตัวอยู่ ทุกวันนี้มีแต่ผู้คนสอนให้รักกัน แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นทั่วทั้งโลกเกิดอะไรขึ้น มีแต่ความรุนแรงกันอยู่ทั่วทุกผืนแผ่นดิน สิ่งที่คุกรุ่นรุนแรงนี้อยู่ในตัวของผู้คนที่นำพาความรักไปในโลกในฐานะของผู้ที่มีความหวังดีต่อโลก อะไรเล่าที่ทำลายความรัก ก็การสอนเรื่องความรักนั่นแหละที่ทำลายความรักเสียเอง



เมื่อดูให้ชัดแล้ว ความเกลียดเสียอีกที่บริสุทธิ์อยู่ ความรักนั้นไม่อาจคงความบริสุทธิ์ของมันได้อีกต่อไป มันปนเปื้อน สังเกตดูในขณะที่คุณเกลียดนั้น มันช่างเป็นความจริง ใสบริสุทธิ์ ไม่ปรุงแต่ง ไม่สวมหน้ากากใดๆ เป็นความเกลียดจริง แต่เมื่อคุณรัก ไม่แน่ว่าเบื้องหลังความรักนั้นเป็นความรักที่บริสุทธิ์หรือไม่ ส่วนมากมักเป็นเพียงมายา นับเป็นเวลาหลายพันปี ไม่ว่าจะเป็นศาสนา การเมือง ครูทั้งหลาย พากันสอนแต่สิ่งเดียวกัน นั่นคือ ความรัก ให้รักศัตรูของท่าน รักเพื่อนบ้านของท่าน รักครอบครัวของท่าน รักในพระเจ้า นับแต่เริ่มต้นที่สิ่งนี้ได้ถูกถ่ายทอดกันมา มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับคำสอนเรื่องความรัก พวกเขากลัวต่อความรักที่แท้จริงของคุณ เนื่องจากความรักที่แท้จริงนั้นเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม ท่านจึงถูกครอบงำด้วยความรักอย่างที่พวกเขาสอน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะการที่สอนเรื่องความรักทำให้คนกลายเป็นเด็กที่เชื่อฟัง เป็นการล่อด้วยขนมหวาน ไม่ให้สังคมต่อต้านโลก ไม่ให้คนเป็นตัวของตัวเอง ผู้คนถูกคำสอนเรื่องความรักเข้าครอบครองจนไม่ทราบว่า แท้ที่จริงแล้วนั่นแหละที่เป็นต้นตอของความเกลียดที่แฝงตัวอยู่อีกด้านหนึ่ง ความเกลียดนี้จะแสดงผลออกมาอย่างแนบเนียนภายในภาพของความรัก



เชื่อไหมว่า นับแต่มีการสอนเรื่องความรักมา โลกเกิดสงครามนับครั้งไม่ถ้วน มันเป็นเรื่องต้องทบทวน ก็เพราะว่า ท่านมิใช่เป็นผู้ครอบครองความรัก ท่านถูกความรักท่วมทับต่างหาก เนื่องจากทุกๆ สังคมต้องการให้ท่านอยู่ภายในการควบคุมได้ ทุกสังคมกลัวต่อธรรมชาติดั้งเดิมของท่าน กลัวต่อธรรมชาติของท่าน พวกเขาจึงได้ตัดปีกของท่านเสียแต่เริ่มต้น สิ่งที่เป็นธรรมชาติดั้งเดิมนั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องอันตรายในตัวท่าน ก็คือธรรมชาติแห่งความรัก ถ้าหากท่านครอบครองความรักได้ ท่านจะต่อต้านโลกทั้งโลก

ให้ทราบว่า ถ้าท่านมีความรักที่แท้ สังคมยอมไม่ได้ เพราะความรักที่แท้จะทำลายสังคมจอมปลอมทันที นี่จึงเป็นอันตรายสำหรับสังคม เพราะสังคมไม่ต้องการเห็นความรักที่แท้ปรากฏขึ้นพวกเขาจึงเด็ดปีกความรักเสียตั้งแต่ต้น ไม่ให้ความรักงอกเงย แม้แต่เป็นความรักก็เป็นเพียงความรักกระดาษ เป็นปีกที่กุดเท่านั้น บินไม่ได้ รักไม่ได้ เหมือนนกที่ถูกเด็ดปีกเสียตั้งแต่ต้น ก็ไม่นึกว่าตนเองบินได้ เข้าใจว่านั่นเป็นปีกที่สมบูรณ์ หากมีนกตัวไหนที่เข้ามาก็จะถูกสอนให้ถูกเด็ดปีก เนื่องจากจะได้ไม่ต้องเสียพลังบินให้เหนื่อย


การที่นกมีปีกบินไปนั้น เป็นสิ่งที่รับไม่ได้สำหรับคนที่เลี้ยงมัน คนทั้งหลายที่ถูกเด็ดปีกแห่งความรักก็เช่นกัน ถ้าเขามีความรักที่แท้ คนจะรับไม่ได้กับการมีอิสระเช่นนั้น มีแต่ความเกลียดที่ไม่มีใครแทรกแซงมัน เพราะตัวของมันนั้นอันตรายอยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วง จึงไม่ถูกมนุษย์สั่งสอนให้เกลียด แท้จริงมันคืออีกด้านหนึ่งของความรักนั่นเอง เมื่อไม่รัก คนก็จะเกลียดโดยปริยาย เป็นอีกหนึ่งอารมณ์ที่ตรงกันข้าม การสอนให้รักก็เพราะต้องการให้ความเกลียดดำรงอยู่ภายในนั้น ถ้ามิฉะนั้นความเกลียดจะหายไปถ้าปล่อยให้ความรักเจริญเติบโตโดยตัวของมันเอง เมื่อความรักเบ่งบานเต็มที่แล้ว ความรักจะกลายเป็นเมตตา ซึ่งไม่ใช่ความรักอีกต่อไป แต่เป็นความรู้แจ้งในความรู้สึก ที่ไม่มีทั้งรักทั้งเกลียด นี่คือความรู้แจ้ง