วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ดวงไฟทำให้ความมืดหายไป


ความสุขหาได้ไม่ยาก


จงรับรู้ว่า การที่คุณมีปัญหารุมเร้านั้นไม่ใช่เป็นเพราะปัญหามันมากขึ้น แต่เป็นเพราะสติของเราอ่อนกำลังลงเท่านั้น เมื่อคนมีสติแล้วอุปสรรคจะมากขึ้น รุนแรงขึ้น เหมือนกับการที่คุณเปิดไฟในห้องที่มืด คุณก็จะเห็นหยากไย่ชัดขึ้น ไม่ได้หมายความว่า มันเข้ามาเมื่อคุณเปิดไฟ มันอยู่ที่นั่นนานแล้ว เพียงแต่เมื่อคุณมีสติ มีความตื่นตัว แต่อย่าได้คิดว่ามันกำลังขยายมากขึ้น แสงสว่างไม่ได้เกี่ยวข้องที่จะทำให้อะไรมีมากขึ้น มันเป็นเพียงทำให้เกิดการปรากฏขึ้นเท่านั้น สติของคุณทำให้ปัจจุบันปรากฏขึ้นในกำแพงคุณในตัวคุณ

แล้วเธอก็บอกว่า เมื่อมีสติขึ้น แต่ก็ไม่สามารถผ่านกำแพงอุปสรรคไปได้ เพราะอะไร ก็เพราะกำแพงนี้ไม่ได้มีอยู่จริง มันไม่ได้สร้างด้วยอิฐ หินปูนอะไร แต่มันถูกสร้างขึ้นด้วยความคิด ความคิดนั้นไม่ได้ปกป้องคุณ ขอเพียงให้คุณรู้วิธีการที่จะข้ามพ้นมันเท่านั้น เมื่อคุณเริ่มที่จะดิ้นรนปีนป่ายไปตามกระบวนการของความคิด ตามกฎของกำแพงคุก คุณก็จะพบกับความยุ่งยากที่มากมายใหญ่โต บางคนถึงกับเป็นบ้า คนกลายเป็นบ้าได้อย่างไร เพราะเข้าถูกกระแสความคิดจำนวนมากเข้าครอบงำอยู่ตลอด พวกเขาพยายามที่จะออกจากความยุ่งยากนั้น แต่ก็กลับจมดิ่งลงไปสู่ความยุ่งยากนั้นมากขึ้น แล้วในที่สุด เป็นธรรมดา ประสาทของเขาไม่สามารถดำรงอยู่ได้ปกติ มีแต่แรกกดดันและความเครียด พวกเขาก็เปิดกล่องแพนโดร่า ความชั่วร้ายก็ออกมา ความชั่วร้ายนั้นแฝงกายอยู่ในนั้น ไม่มีใครใส่ใจกับมัน ขณะนี้พวกมันถูกสมาธิเข้าไปตรวจสอบ ทันทีที่คุณเห็น เมฆแห่งความชั่วร้ายนั้นช่างหนาเหลือเกิน ยิ่งพยายามใช้ความสามารถที่จะข้ามพ้น ก็ยิ่งพบว่า อุปสรรคแน่นหนานั้นรายล้อมตนเองอยู่ พอคุณเริ่มต่อสู้กับมัน ไม่มีทางที่จะชนะมันได้ ไม่ช้าไม่นานคุณก็จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรง คุณก็จะพบว่าตนเองนั้นกำลังถูกความบ้านเฉือนออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ถ้าหากคุณใช้วิธีการที่ถูกต้อง แทนที่คุณจะถูกโค่นลงแต่คุณกำลังจะผ่านมันไปได้



วิธีการที่ถูกต้องก็คือ การคิดว่าคุณกำลังถูกรายล้อมด้วยอุปสรรค เพียงแค่คุณเป็นเพียงผู้ดู ไม่ต้องสู้ ไม่ต้องตัดสิน ไม่ต้องตำหนิ ประณาม เพียงแค่สงบเงียบ และเยือกเย็น เป็นผู้สังเกตดูไม่ว่าอะไรจะอยู่ที่นั่นก็ตาม

คุณเพียงแค่ทำตัวเป็นผู้ดู ไม่ต้องเป็นผู้เล่น เมื่อนั้นคุณก็จะเห็นผู้เล่นเหล่านั้นเล่นไป แล้วมันก็จบลง เพราะไม่มีแรงที่จะเล่นต่อไป ไม่มีอะไรที่เป็นจริงอยู่ในนั้น มันเป็นเพียงสิ่งที่หลอกล่อให้คนเล่นตาม ชวนให้คนหมุนตาม ยิ่งหมุนไปแรงเหวี่ยงก็จะมากยิ่งขึ้น ยิ่งมากขึ้นเท่าใด คนก็ยิ่งไม่อาจบังคับตัวเองได้มากเท่านั้น

เพียงเข้าใจว่า กำแพงอุปสรรคนานาเหล่านั้นไม่ได้มีอยู่จริง มันเกิดขึ้นจากแรงเหวี่ยงของความคิด เมื่อคุณไม่เหวี่ยงไป ความคิดก็จะหมุนช้าลงแล้วหยุดหมุน จะเหลือแต่ความว่างที่ปรากฏขึ้น เป็นความใสแห่งปรากฏการณ์ที่มันเป็นไป ไม่มีแรงหมุนจากความคิด ผู้ใดไม่ทันระวังจะต้องถูกแรงเหวี่ยงแห่งความคิดนั้นชักจูงไปเสมอ แต่เมื่อคุณมีสติ แรงเหวี่ยงนั้นจะชัดเจนขึ้น แล้วมันจะไร้พลังไปทันที




สังเกตจากการที่คุณยืนอยู่ท่ามกลางการอภิปราย หรือการสัมมนา คุณจะถูกชักจูงความคิดให้ไหลไปไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง นั่นคือ จุดเริ่มต้นแห่งแรงเหวี่ยง จากนั้นคุณก็จะถูกดึงเข้าไปในวงจรที่เรียกว่า การเข้าไปเปิดหีบแพนโดร่า คุณไม่สามารถที่จะทนต่อแรงเหวี่ยงได้หรอกถ้าคุณไม่รู้จักวิธีการที่ถูกต้อง แรงเหวี่ยงนั้นอาศัยความคิดเป็นตัวหมุนไป ยิ่งคิดก็ยิ่งหมุนแรงขึ้น ไวขึ้น ความชั่วร้ายภายในหีบก็จะแผลงฤทธิ์ออกมามากขึ้นเพื่อผลักดันให้ความคิดนั้นดิ้นไป กระเสือกกระสนไป ทั้งไขว่คว้าและวิ่งหนี คุณไม่สามารถไขว่คว้าได้ และคุณก็ไม่อาจวิ่งหนีมันได้ เพราะคุณกำลังเล่นตามเกมของมัน ต้องเปลี่ยนวงจรใหม่ ก่อนอื่นต้องทราบว่า นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เป็นแต่การสร้างขึ้นของความคิด แล้วมันจะเริ่มชะลอ และหยุดลงในที่สุด

เพียงแค่หยุด แล้วเป็นผู้ดูเท่านั้น คุณก็ไม่ใช่ผู้เล่นเกมอีกต่อไป ไม่ต้องตัดสิน ไม่ต้องประณาม ไม่ต้องชื่นชมใดๆ ทั้งสิ้น เป็นแต่ผู้ดู นี่คือหนทางออกจากวงจรอุบาทว์นั้น เป็นการปิดหีบแพนโดร่านั้น