วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2553

คัมภีร์ห่วงโซ่จักรวาล (๗)



(ต่อจากฉบับที่แล้ว)


ที่แท้สัตว์ที่เหี้ยมโหดที่สุด ดุร้ายที่สุด
ก็คือคนนี่เอง
เพราะคนทำเรื่องราวบางประการ ที่บอกผู้ใดไปยังไม่อยากเชื่อว่าเป็นฝีมือคนด้วยกัน

ทินเล่ ผ่านหมู่บ้านที่เงียบสงบ
แม้แต่สุนัขที่เคยเห่าก็คล้ายดั่งมองไม่เห็นคน
มันหยิบถุงหนังน้ำเขย่าดู ยังมีน้ำเหลืออยู่
เนื้อวัวตากแห้งยังคงแขวนอยู่ที่ข้างรั้วบ้าน มันหยิบมาริ้วหนึ่ง อย่างน้อยมันก็อยากบอกแก่เจ้าของ

ผู้คนไปไหนหมด?!
มันไม่ทราบจะทำอย่างไรต่อไป?
เส้นทางนี้จะไปถึงที่ใด?
จะต้องเดินทางอีกนานเท่าใดจึงจะถึงวิกรมศิลา

อาชากลุ่มหนึ่งห้อตะบึงมาด้วยความรวดเร็ว ผู้นั่งบนอาชาเหล่านั้นสวมชุดดำเข้มผูกเกราะทองแดงกันสิ้น คาดศีรษะด้วยผ้าขาว หลังคาดกระบี่ ถือทวนในมือ ใบหน้าสีเหลืองดุจดังผู้ไร้ความรู้สึก ไม่มีรอยยิ้มจากพวกมัน

เสียงอาชาร้องด้วยเสียงอันดังเมื่อถูกรั้งบังเหียนอย่างรวดเร็ว
“ท่านหัวหน้า คาดว่าเราได้คนทำงานอีกหนึ่ง มันคงนึกไม่ถึงว่าเราจะตามมาทีหลังกองทัพ” คนผู้หนึ่งพูดด้วยท่าทางดีใจ

“ให้มันไปกับเรา ต้องไปให้ทันก่อนค่ำ” ชายร่างใหญ่ที่นั่งบนอาชาสีแดงคล้ำ บนผ้าที่คาดศีรษะยังสวมหมวกมีผู่สีดำออกคำสั่ง

ยังไม่ทันที่ทินเล่จะคิดอย่างไรต่อไป ชะตาชีวิตที่ไม่ได้กำหนดไว้ก็มาเผชิญ

มนุษย์มักมีเผชิญเหตุการณ์ที่ตนเอง
ไม่ได้คาดหมายเช่นนี้ไม่มากก็น้อย
มนุษย์มักไม่ได้คาดหมายให้มันเป็นไป
ถ้ามันทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อนก็คงไม่เลือกเส้นทางเดินนี้

น่าเสียดายเพราะมนุษย์ไม่อาจทราบนี่เอง
จึงทำให้มีเหตุการณ์ทั้งที่น่ายินดี
และน่ารัดทดมากมาย

สิ่งที่สำคัญหาใช่อยู่ที่อะไรจะเกิดขึ้น แต่กลับอยู่ที่เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขอย่างไร จะเผชิญกับมันอย่างไร

บางครั้งชีวิต ก็ไม่ใช่เราเองจะตัดสินเองเสมอ