วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

คีตธรรม ทำนองชีวิต

ฟังแบบ Deep Listening แล้วจะพบว่า ความไพเราะของบทเพลงเป็นวิตามินชั้นดี

ยิ่งรักตน ก็ยิ่งรักผู้อื่น

ยิ่งรักตน ก็ยิ่งรักผู้อื่น




บุคคลที่สนใจตนเองทุกแง่มุม สนใจแต่เรื่องของตน มองตน เข้าถึงตนอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะรักและเข้าใจผู้อื่นได้ด้วย ตรรกะนี้ไม่เป็นไปตามตรรกะของโลก ที่ยิ่งใครเห็นแก่ตัวมากก็จะไม่สนใจใคร บุคคลที่เห็นแก่ตัวตามโลก คือ ผู้ไม่รู้จักตัวเองเลยแม้สักนิดเดียว
คำกล่าวที่ “ความเห็นแก่ตัว” จึงถูกกล่าวประณาม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคำนี้ถูกใช้ไปในความหมายที่ตรงกันข้ามกับความจริง

อันที่จริงคำๆ นี้ เป็นคำที่สวยงาม คำว่า เห็นแก่ตัว หมายความง่ายๆ ว่า การเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปวุ่นวายกับผู้อื่น ไปพิจารณาผู้อื่น พยายามไปทำความเข้าใจผู้อื่น ไม่ต้องไปวุ่นวายพิจารณาใครๆ คนอื่นในโลกนี้ ขอให้หันมาดูตนเองดีกว่า มองให้มากๆ มองให้ลึกซึ้ง มองให้เห็นแก่นแท้ของตน ผลที่ออกมาจะเป็นในทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่โลกประณาม เพราะการที่ท่านหันมาใส่ใจตนเอง เท่ากับว่าท่านกำลังใส่ใจโลกทั้งโลก


ในการเข้าไปพิจารณาเห็นแก่ตัว ท่านจะเห็นประโยชน์ของคนทั้งโลก ที่ท่านพยายามค้นหาๆ แต่ไม่พบสักที เพราะว่าสิ่งทั้งมวลนั้นถูกฝังไว้ในตัวของท่าน ท่านมักจะได้รับการบอกให้รักเพื่อนบ้าน แต่ท่านเองกลับไม่ได้รักตนเองเลย บุคคลที่ไม่เคยรักตนเองได้ ไหนเลยที่จะรักผู้อื่นได้เล่า เขาจะได้ความรักจากที่ไหน ประการแรก เราต้องมีความรักในตัวเราเองก่อน ก่อนที่เราจะรักผู้อื่นได้ คนอื่นๆ ก็เช่นกันคาดหวังความรักจากกันและกันที่ไม่ได้มีความรักในตัวเองเลย เป็นเรื่องที่ไม่อาจความหวังได้ นี่จึงเป็นเรื่องที่ผิดเพี้ยน เป็นเรื่องของความโง่เขลาโดยแท้


การที่ต่างคนต่างไปสนใจผู้อื่น ต้องการความรักจากผู้อื่น ต่างก็คาดหวังจากกันและกัน เปรียบเหมือนขอทานที่ขอทานจากพวกเดียวกัน ต่างคาดคิดว่า ขอทานคนอื่นเป็นจักรพรรดิ เป็นผู้ร่ำรวย ทั้งที่ทั้งคู่เป็นเพียงคนขอทานเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างก็คิดต่อกันและกันอย่างนั้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือตัวเขาเองที่มีแต่ความทุกข์ระทม ทุกข์เพราะไม่สามารถได้อะไรเลย นั่นจึงเป็นเหตุให้เราทั้งหลายต่างคิดไปว่า เราถูกหลอก ก็ขอทานพยายามทำตัวให้เป็นเหมือนจักรพรรดิ นี่เป็นเรื่องที่โง่เขลาโดยแท้ แสดงตนว่า ตนมีความรักที่จะมอบให้ผู้อื่น ทั้งที่ภายในตนไม่มีแม้แต่น้อย ไม่มีแม้กระทั่งความรักตนเอง เป็นเรื่องเหลวไหลอย่างแท้จริง ฝ่ายหนึ่งก็คิดต่อคุณว่าเป็นจักรพรรดิ อีกฝ่ายก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ฝ่ายหนึ่งกล่าวหาว่าตนกำลังหลอกลวงผู้อื่น ก็เพราะการทำตัวว่าเป็นเหมือนจักรพรรดิ แต่ที่จริงแล้ว เขาก็เป็นเพียงขอทานเท่านั้น เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ว่าตนเป็นเพียงขอทานเท่านั้น สิ่งที่เขาทำได้ก็คือโกรธเกลียดกัน เดือดดาลต่อกันและกัน ทำร้ายกัน ทำลายกัน และ พยาบาทกัน และกันเท่าที่จะทำได้


จะเป็นได้อย่างไรกัน แม้แต่ความรักในตนยังไม่มี แล้วจะเอาความรักที่ไหนไปเผื่อแผ่ผู้อื่นได้ การจะมีความรักให้ผู้อื่น ก่อนอื่นเราต้องมีก่อน เหมือนกับจะให้อะไรแก่ผู้ใด ตนเองก็ต้องมีก่อน ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน สังคม ผู้อื่นถูกสอนให้อุทิศตนให้กับอุดมการณ์อันงี่เง่า สอนให้รักเพื่อนบ้าน สอนให้รักครอบครัว สอนให้รักคนรัก สอนให้รักประเทศชาติ บ้าบอชัดๆ

ไม่ต้องอะไรมาก เริ่มต้นด้วยการเห็นแก่ตัวธรรมดาๆ เท่านั้นก็พอ พอทำได้แล้ว ในที่สุดเราประหลาดใจว่า เรามีสมบัติอะไรบ้างภายในตัวของเราเองที่จะให้อะไรแก่ใครได้ เมื่อเริ่มแบ่งปันจะพบกับความสุขอีกแบบหนึ่ง เป็นความสุขอันเกิดจากการแบ่งปัน การแสวงสมบัติก็ดี การครอบครองสมบัติไว้ก็ดีนั้นไม่ใช่ความสุขที่ดีพอ เป็นความสุขที่มีน้อยกว่าการแบ่งปัน โปรดจงจำไว้อย่างหนึ่ง อย่างได้นำสมบัติที่อยู่ในตัวของท่านนั้นได้ไปเทียบกับระบบเศรษฐกิจทั่วไป นี่คือกฎ มันคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเศรษฐกิจของชาวโลก ถ้าเป็นเศรษฐกิจทั่วไป ถ้าหากคุณให้อะไรไป คุณจะเหลือสิ่งนั้นน้อยลง ถ้าคุณให้ต่อไปไม่ช้าคุณอาจเป็นขอทานได้

แนวคิดของเศรษฐศาสตร์ของโลก คุณจะต้องแสวงหากำไรจากผู้อื่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วคุณจะมีมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น สมบัติที่ข้าพเจ้ากำลังบอกกับท่านนี้เป็นเรื่องตรงกันข้ามกัน ถ้าคุณเข้าไปยึดไว้ มันจะเหลือน้อยลง ถ้าคุณยึดมากไปกว่านั้น คุณอาจถึงกับเป็นฆาตกรได้ ถ้าคุณปิดประตูไม่ให้สิ่งใดหลุดรอดไปได้ กลายเป็นคนงก และเคร่งขรึม ในที่สุดคุณก็คือคนที่ตายแล้วเท่านั้น สมบัติทั้งหมดก็จะตายไปกับคุณ ไม่ว่าความรัก ความสุข ความรื่นเริง ความบันเทิงก็จะตายไปกับคุณ ตายอย่างถาวร แน่นอนที่สุด




ถ้าหากคุณต้องการความงอกงามแห่งสมบัติ แบ่งปันไป แบ่งปันให้ทุกๆ คน อย่างเป็นของจำหน่ายจ่ายแจก จ่ายแจกอย่างไม่มีข้อกำหนดว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นศัตรู อย่าได้มีคำถามว่ากำลังแบ่งปันให้กับใคร ใครๆ ก็ได้ที่ท่านเกี่ยวข้อง อย่าไปเกี่ยวกับที่อยู่ เพียงแต่ส่งจดหมายแห่งความรักไปเท่านั้น ย่อมมีคนรับมันสักแห่งหนึ่ง ยิ่งคุณให้มากเท่าใด ก็จะทำให้เข้าถึงแห่งที่ไม่มีใครรู้จักมากขึ้นเท่านั้น


มนุษย์ก็คล้ายกับบ่อน้ำ บ่อน้ำที่ช่วยให้ใครต่อใครที่หิวกระหายได้ดื่ม ดื่มน้ำแล้วก็มีชีวิตยืนยาวต่อไป มีแต่ความชุ่มเย็นดับกระหายให้แก่ผู้คน ผู้คนที่กระหายจะต้องคิดถึงบ่อน้ำ คุณค่าของบ่อน้ำอยู่ที่นี่ มนุษย์ก็คล้ายกัน คุณค่าอยู่ที่ได้ช่วยเหลือแบ่งปันกับผู้คน เพื่อให้ทุกคนได้มีความสุข มนุษย์อย่าได้เป็นเหมือนทะเล มีมากก็จริงแต่ทำอะไรสำหรับชีวิตให้ยืนยาวไม่ได้ ดับความกระหายไม่ได้



ยิ่งมีความรักในตัวมากเท่าใด ก็สามารถให้ความรักผู้อื่นได้มากเท่านั้น ถ้าไม่ได้มีความรักในตัวคุณ ไหนเลยจะแบ่งปันผู้อื่นได้ ดังนั้นจำเป็นต้องรักตัวคุณก่อน ต้องเป็นคนเห็นแก่ตัวก่อน ความเห็นแก่ตัวในที่นี้มิได้มีความหมายตามที่โลกประณาม โลกเข้าใจคำนี้ไม่ถูกต้อง การเห็นแก่ตัวของเขาคือการคาดหวังจากผู้อื่น แล้วไม่ได้ดังที่คาดหวัง เหมือนกับขอทานที่ขอขอทานด้วยกัน แล้วเขาไม่ให้ก็กล่าวหาว่า เขาเห็นแก่ตัว ก็ตัวเขาเองไม่มีอะไรจะให้ เพียงแต่แกล้งทำตัวว่ามีเท่านั้น

คนที่ไม่มีความรักในตนเองก็เหมือนกับขอทาน แต่ถ้าเขารักตนเอง เห็นแก่ตัว ทุกคนเห็นแก่ตัวอย่างแท้จริง นั่นแปลว่าเขาเห็นสมบัติในตัวเขา เขาพร้อมที่จะแบ่งปันให้ นี่คือ ความหมายของการเห็นแก่ตัว

จงค้นหาตนเอง อย่าได้ค้นหาคนอื่น เมื่อคุณพบตนเอง คุณก็จะพบคนอื่น เมื่อคุณไม่พบตนเอง แล้วคุณจะไปพบคนอื่นได้ที่ไหน สุดท้ายก็มีแต่กล่าวหา ว่าร้าย โกรธเคือง ครุ่นแค้น ทำร้ายและทำลายกันและกันเท่านั้น ถ้าเขารักตนเอง เขาจะรักคนอื่นเท่ากับรักตนเอง นี่เป็นมุมเบอรแรงที่สะท้อนกลับเอง