บทบาทพระพุทธศาสนาในประชาคมอาเซียน
ผศ.ดร.สุวิญ รักสัตย์[1]
บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
ความนำ
ปัจจุบันโลกไม่อาจอยู่ได้เพียงลำพัง
ทุกส่วนของโลกกำลังแสวงหาภาคีเครือข่ายสร้างความเข้มแข็งให้แก่ตนเอง
เพื่อประโยชน์ร่วมกันของชาติในภาคีสมาชิก จะเห็นได้ว่า
โลกได้แบ่งออกเป็นกลุ่มหลากหลาย มีกลุ่มทางการค้า เศรษฐกิจ น้ำมัน ความมั่นคง การปกป้องธรรมชาติ
เป็นต้น แต่ละกลุ่มก็พยายามมีบทบาทในการต่อรองกับกลุ่มอื่น
หรือภูมิภาคอื่นให้รับฟังกลุ่มตนเองและต้องรับเงื่อนไข นี่คือโลกปัจจุบัน
กลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้พิจารณาเห็นว่า
ภูมิภาคนี้มีทรัพยากรสำคัญจำนวนมากที่สามารถสร้างเป็นเครื่องมือต่อรองกับโลก
สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นเองเพื่อใช้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของตนได้
แต่หากไม่สร้างเป็นกลุ่มภาคีเครือข่าย ก็ขาดอำนาจในการต่อรอง
นับว่าเป็นความขับเคลื่อนโลกยุคใหม่ คือยุคของการรวมกลุ่มกันทำงาน
ปัจจุบันโลกได้กลายเป็นลักษณะของครอบครัวเดียวกันที่เรียกว่า
Global
Village โดยอาศัยเครื่องมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด
การติดต่อสัมพันธ์กันในโลกนี้มีความใกล้ชิดดุจดังอยู่ในครอบครัวเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้มองเห็นโอกาสของความเจริญก้าวหน้าของโลกยุคใหม่นี้จึงรวมกันและร่วมกันคิดและร่วมกันตัดสินใจดุจดังผู้ถือหุ้นร่วมกันของบริษัทหนึ่งเท่านั้นเอง
นอกจากนั้นแต่ละประเทศยังต้องการแสดงให้เห็นจุดเด่นของตนเพื่อขยายไปสู่โอกาสอื่นด้วย
ด้วยเหตุนี้นี่เองจึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่ ASEAN จึงก่อสร้างตัวขึ้นเป็นบริษัทหนึ่งที่มี
๑๐ ประเทศเข้ามาร่วมหุ้นกันโดยใช้ยุทธศาสตร์ทางเขตแดนเป็นกรอบร่วมกัน (Regional
Group) ก็เพราะโลกได้มายุคนี้แล้ว ASEAN เริ่มตอนนี้ยังถือว่ายังไม่สายเกินไปนักในแง่ของบริษัทในครอบครัวโลกใบนี้
ประชาคมอาเซียน
ในฐานะที่กล่าวถึงอาเซียน ก็ขอเขียนถึงความเป็นมาเล็กน้อยเพื่อเป็นประวัติศาสตร์ทางเอกสาร
แม้ว่าปัจจุบันจุดกำเนิดของประชาคมอาเซียนเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันแล้ว “ประชาคมอาเซียน”
(ASEAN
Community) เกิดจากสมาคมแห่งประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (The
Association of Southeast Asian Nations-ASEAN) เริ่มจาก “ปฏิญญากรุงเทพฯ”
(Bangkok Declaration) ซึ่งมีประเทศสมาชิกตอนนั้นเพียง ๕ ประเทศ
ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ
สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร ต่อมาอาเซียนได้เพิ่มสมาชิกในภูมิภาคขึ้นอีก
๕ ประเทศ ได้แก่ ประเทศบรูไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา รวมเป็น ๑๐ ประเทศ จนครบในปี
๒๕๔๐ โดยผู้นำอาเซียนได้รับรองเอกสาร “วิสัยทัศน์อาเซียน
๒๐๒๐” และร่วมกันกำหนดเป้าหมายหลัก ๔ ประการ ได้แก่
๑) ด้านการเมืองและความมั่นคง
(ASC)
๒) ด้านเศรษฐกิจ (AEC)
๓) ด้านสังคมและวัฒนธรรม
(ASCC)
๔) ด้านโครงสร้างองค์การ (ASAC)
ทั้ง
๔ เป้าหมายนี้อาเซียนต้องทำให้สำเร็จภายในปี ๒๕๖๓ (ค.ศ. ๒๐๒๐)
แต่ปัจจุบันในด้านเศรษฐกิจ (AEC) เริ่มก่อนกำหนด
๕ ปี จึงเป็นปี พ.ศ.๒๕๕๘
ประชาคมอาเซียนจึงเป็นการร่วมมือกันสร้างความเป็นปึกแผ่นขึ้นในโลกยุคใหม่
โลกแห่งการจับกลุ่มกันทำงานเพื่อสร้างเสถียรภาพทางความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม
สร้างมูลค่าเพิ่มในภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มอำนาจในการต่อรอง การขยายตลาด
และที่สำคัญคือสร้างความเข้าใจกันทางสังคมและวัฒนธรรมต่อกันและกัน
การดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนาในอาเซียน
จากเสาหลักที่ ๓
ของอาเซียนทำให้หน่วยงานทางศาสนาต่างขยับตัวเพื่อเตรียมตัวในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนี้ในแง่มุมที่แตกต่างกันไป
สำหรับพระพุทธศาสนาก็เป็นศาสนาหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียนที่จะต้องมองหาจุดร่วมสงวนจุดต่างเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของอาเซียนทางด้านสังคมและวัฒนธรรมที่มีกรอบอยู่
๖ ด้าน ได้แก่
๑. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
๒. การคุ้มครองและสวัสดิการสังคม
๓. สิทธิและความยุติธรรมทางสังคม
๔. ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
๕. การสร้างอัตลักษณ์อาเซียน
๖. การลดช่องว่างทางการพัฒนา
ก่อนที่จะแสดงถึงแนวทางในการแสดงบทบาทในอาเซียนของพระพุทธศาสนา
เป็นที่ทราบกันว่า พระพุทธศาสนามีประวัติศาสตร์ยาวนานในดินแดนแห่งประชาคมอาเซียนหรือสุวรรณภูมิแห่งนี้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกือบทุกประเทศรวมถึงประชากรที่นับถือพระพุทธศาสนาที่สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
กล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาได้ผูกพันกับวิถีชีวิตของประชาชนในแถบนี้และได้ช่วยสร้างสรรค์อารยธรรมความรุ่งเรืองของประชาคมอาเซียนหลายประเทศภายใต้แนวคิดสังคมแห่งสันติภาพและภราดรภาพ
โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนานั้นยังคงมีการติดต่อสร้างความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง
มีการส่งเสริมการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา มีการประชุมแลกเปลี่ยนเพื่อการพัฒนาสังคม
มีการดำเนินการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างขวางเพื่ออำนวยสันติสุขแก่มหาชนชาวอาเซียนมากยิ่งขึ้น
เช่น มีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำพุทธศาสนาแห่งโลก (World
Buddhist Summit) มีการจัดการประชุมในวันสำคัญของพระพุทธศาสนา คือ
วัน วิสาขบูชาในระดับโลก เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้องทางพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ
ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแสวงหาแนวทางเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาและความสงบสุขของประชาคม
นอกจากนี้ในระดับประชาชนก็ยังคงมีการติดต่อร่วมประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนาของประชาชนภายในกันเสมอ
...
สรุป
บทบาทพระพุทธศาสนาในประชาคมอาเซียนจึงควรมีกรอบที่ชัดเจนโดยยึดสังคมวัฒนธรรมของแต่ละประเทศเป็นหลัก
แต่เชื่อมด้วยกรอบทางวัฒนธรรมตามแนวพระพุทธศาสนาทั้ง ๔ ด้านเป็นแกน
ก็จะทำให้บทบาทนี้ไม่ได้เป็นการครอบงำวัฒนธรรมของกันและกัน แต่ยิ่งทำให้พระพุทธศาสนาในแต่ละประเทศมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น
สิ่งที่จำเป็นก็คือ
การสร้างกรอบการส่งเสริมให้ชัดเจนในการสร้างบทบาทพระพุทธศาสนาใน ๔
มิติให้ได้รับการยอมรับร่วมกันก่อนจึงจะทำให้มีพลังและมีความเป็นรูปธรรม ไม่กระทำดังเช่นผ่านมาที่แต่ละประเทศต่างก็ทำในส่วนของตน
ประเทศไหนมีแรงมากก็ทำได้ดี ประเทศไหนมีแรงน้อยก็ทำได้ไม่บรรลุวัตถุประสงค์
ไม่ได้กระทำในความเข้าใจที่เป็นอาเซียน แต่ต่อไปจะต้องร่วมมือกันในนามอาเซียน เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในความหลากหลาย
เพื่อวัตถุประสงค์ทั้ง ๓ ด้านคือ สังคมดี สังคมสันติสุข และสังคมเสมอภาค ผู้ที่จะผลักดันบทบาทเหล่านี้ทั้งหมดก็ต้องอาศัยผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน
เชื่อมั่นว่า การรวมตัวกันของประชาคมอาเซียนจะไม่ใช่การแข่งขันกันเอง
แต่เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่กันและกันตามเจตนารมณ์ของผู้คิดวางแผนในการสร้างประชาคมอาเซียน
(บทความเต็มติดตามอ่านต่อในเอกสารวิชาการบัณฑิตวิทยาลัย มมร)
[1]ผศ.ดร.สุวิญ รักสัตย์ อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เลขานุการบัณฑิตวิทยาลัย,
อาจารย์ประจำหลักสูตรพุทธศาสน์ศึกษา ระดับมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิต, มีงานเขียนพระพุทธศาสนามหายาน,
และเป็นเจ้าของนามปากกา ปุ๊ซินเนี่ยน นวนิยายจีนอิงธรรมเรื่องคัมภีร์ห่วงโซ่จักรวาล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น