วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

เรื่องสั้น : ซุนคังไต้ซือ



สายน้ำดุจแผ่นกระจงสะท้อนแสงอาทิตย์ยามอรุณระยิบระยับนับไม่ถ้วน
อาทิตย์ยิ่งสูงสีทองยิ่งเปลี่ยนไปเป็นสีเงินเจิดจ้างดงามยิ่งนัก
เรือน้อยของคนหาปลายังคงลอยอยู่ริมฝั่งห่างไกลออกไปมองเห็นคล้ายดั่งเป็นภาพจิตรกรรมธรรมชาติอันตราตรึง

น้ำไหลเอื่อยๆ ไม่เชี่ยวกราก
ภาคีรถีได้ชื่อว่า เป็นแม่แห่งนทีทั้งมวล หล่อเลี้ยงทุกๆ ชีวิตในกเนาช์ปุระอย่างไม่เคยเหือดแห้งมาเลย
ลานกว้างริมฝั่งทิศเหนือของกเนาช์บุรี บัดนี้กำลังมีการประดับธงทิวเป็นแนวยาว

เหล่าทหารตรวจดูความเรียบร้อยอยู่เป็นระยะ ผู้คนยังคงประดับตกแต่งเวทีและริมคงคาด้วยมวลพฤกษานานาพันธุ์ที่ตอนนี้กำลังเบ่งบานเต็มที่
อาทิตย์บ่ายคล้อยแล้ว แสงอาทิตย์ในยามชิวเทียนไม่ร้อนแรง ขณะที่ลมพัดโชยยิ่งทำให้อาทิตย์ยามนี้มีมนต์ขลังยิ่งนัก

เสียงธงทิวโบกสะบัดทำให้จิตใจคึกคักขึ้นมาได้
อาชาพ่วงพีสีขาวดุจเมฆคิมหันตฤดูเดินเหยาะย่างอย่างเป็นยังหวะผ่านหน้าเหล่าทหารที่สวมใส่ชุดนักรบโบราณออกมายืนเรียงรายตั้งเป็นกองแถวเกียรติยศและเหล่าคนงาน
ที่สะดุดตาและสง่างามยิ่งนักกลับเป็นผู้ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาตัวนั้น เสื้อคลุมสีปีกทับเขียวสะท้อนแสงอาทิตย์ พอลมพัดต้องชายปลิวไสว เผยให้เห็นต่วนสีเงิน นี่จะเป็นผู้ใดไม่ได้นอกจากองค์ราชาแห่งกเนาช์บุรีนั่นเอง พระองค์พระนามว่า หรรษวรมัน
พระนลาฏกว้างใหญ่ หางคิ้วงอนขึ้นเบื้องบนเล็กน้อย พระเนตรดำสนิทมีประกายลึกซึ้ง ช่างเป็นพระพักตร์ของผุ้ที่เปี่ยมด้วยบุญญาธิการเสียนี่กระไร
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือ” พระองค์ตรัสถาม
“เหลือเพียงประดับดอกไม้อีกเพียงเล็กน้อยพระเจ้าข้า” ราชองค์รักษ์กราบทูลให้ทรงทราบ
อีกสองวันเท่านั้น สถานที่แห่งนี้ก็จะเป็นที่รองรับผุ้คนที่มาจากทุกสารทิศเพื่อมาร่วมงานที่พระองคืจัดขึ้นในโอกาสแห่งการแสดงธรรมของภิกษุชาวจุงโกวผู้เดินทางหมื่นลี้มา บัดนี้ท่านกลายเป็นที่รู้จักของชาวภารตะทั้งหลายไปแล้ว

[[[[[

เสียงเจรจาดังไปทั่วบริเวณ ผุ้คนเดินขวักไขว่อยู่รอบนอกรั้วล้อมรอบเป็นชั้นๆ ก่อนจะถึงเวที
ในแต่ละชั้นเป็นที่ๆ จัดไว้สำหรับคนในแต่ละระดับลดหลั่นกันลงไป ด้านในสุดทิศตะวันออกและทิศใต้เป็นที่สำหรับสมณะผู้ทรงภูมิความรู้ทั่วภารตะประเทศที่อยากจะชมการสนทนาธรรมครั้งนี้
ประตูด้านทิศอุดรเปิดอีกครั้ง
ผู้คนต่างมองไปยังลาดพระบาทที่ทอดไปจนถึงประตู
องค์ราชาได้ทรงราชดำเนินมาพร้อมกับพระมเหสีเปี่ยมด้วยราศี
ถัดไปด้านขวาซึ่งคลายดั่งเป็นเป้าสายตาของคนทั่วไปที่ใคร่เห็นก็คือ องค์หญิงราธนศรี
พระองค์ช่างงดงามดุจดังพระโพธิสัตว์จำแลงร่าง นัยน์พระเนตรที่สุกใสเปี่ยมเมตตา
เป็นพระเนตรที่ผู้คนได้เห็นแล้วไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดกาล
หากแต่ผู้คนกลับไม่อาจละสายตาที่เพ่งไปยังบรรพชิตรูปหนึ่งที่เดินเฉียงอยู่ด้านหลัง
ทิ้งระยะห่างประมาณสี่เชี๊ยะสม่ำเสมอไม่มากไม่น้อย
ลูกประคำสีแดงคล้ำเม็ดโตเท่าไข่มุกเมืองหยางโจวพวกใหญ่คล้องอยู่ที่คอ
มือหนึ่งยกขึ้นตั้งฉากระหว่างอกไว้ ดวงตาของท่านทอดลงต่ำพอประมาณ แน่วแน่
ความแน่วแน่ที่เปี่ยวมด้วยสมาธิเช่นนี้
ย่อมไม่ใช่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่จะต้องผ่านการฝึกฝนมาเป็นเวลาอันนาน
เสียงประกาศดังขึ้นเมื่อทั้งหมดเข้าประจำที่นั่งที่จัดไว้
บัดนี้ถึงเวลาแสดงธรรมของท่านไต้ซือซุนคัง ผู้เดินทางหมื่นลี้จากดินแดนจุงโกว”


[[[[[
(อ่านต่อเรื่องสั้นปุ๊ซินเนี่ยน)

ไม่มีความคิดเห็น: